เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2568 ในเขตตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต เป็นเรื่องราวที่สร้างความตกใจให้กับประชาชนในพื้นที่ เมื่อมีบุคคลหนึ่งใช้รถยนต์เป็นอาวุธไล่ชนและทำร้ายร่างกายคู่กรณีกลางถนน โดยผู้ก่อเหตุซึ่งทราบชื่อว่านายณัฐพล อายุ 34 ปี เคยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจร่วมกับนายฉัตรชัย อายุ 46 ปี แต่กลับกลายเป็นความบาดหมางจนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว การสอบสวนพบว่า นายณัฐพลอยู่ภายใต้อิทธิพลของยาเสพติดขณะลงมือ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้ไม่นานหลังจากเหตุเกิด นอกจากนี้ยังมีการแจ้งข้อหาหลายกระทงและการยึดทรัพย์เพิ่มเติม
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14:57 น. บนถนนเจ้าฟ้าสวนหลวง ใกล้โรงแรมซีเบดแกรนด์ หมู่ที่ 2 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต โดยนายณัฐพลได้ขับรถไล่ตามรถยนต์ของนายฉัตรชัย ก่อนจะพุ่งชนและลงมาทำร้ายร่างกายอย่างไร้มนุษยธรรม จากคำให้การของนายฉัตรชัยและพยานในที่เกิดเหตุ เหตุผลของการทะเลาะเบาะแว้งครั้งนี้มาจากปัญหาการทำงานระหว่างกัน โดยเฉพาะในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ทั้งสองคนเคยร่วมงานด้วยกัน
หลังจากเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวิชิตได้ดำเนินการสอบปากคำและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม พบว่าผู้ก่อเหตุอยู่ในสภาพมีสารเสพติดในร่างกายและยอมรับว่าตนเองได้เสพยาไอซ์ก่อนลงมือ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการไลฟ์สดในโลกออนไลน์ระหว่างการก่อเหตุ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาร้ายแรงและความไม่เคารพกฎหมาย
จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าสาเหตุสำคัญของความขัดแย้งอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาการเงินในโครงการร่วมกัน อย่างไรก็ตาม นางอุมาพร ภรรยาของผู้เสียหาย ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องการชำระเงินที่ค้างชำระแต่อย่างใด แต่อาจมีความเข้าใจผิดหรืออารมณ์เสียสะสมจากปัญหาส่วนตัว เช่น อาการบาดเจ็บของสามีเธอที่ยังไม่หายดี รวมถึงปัญหาสุขภาพของครอบครัวฝ่ายผู้ก่อเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 6 ข้อแก่ผู้ก่อเหตุ ซึ่งรวมถึงการทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้อาวุธ การพาอาวุธไปในที่สาธารณะ การทำให้เสียทรัพย์ การขับรถประมาท และการเสพยาเสพติดประเภทที่ 1 อย่างผิดกฎหมาย ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความรุนแรงและความไม่สมควรของพฤติกรรมดังกล่าว
แม้ว่าเหตุการณ์จะจบลงด้วยการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ความเสียหายทั้งทางกายและจิตใจที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายยังคงต้องการการเยียวยาและฟื้นฟู สิ่งสำคัญที่สุดคือการย้ำเตือนสังคมว่า การใช้ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบในการแก้ไขปัญหา ระบบกฎหมายมีบทบาทสำคัญในการตัดสินและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างยุติธรรม