กรณีของรถกระบะที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุใหญ่เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568 กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจในแวดวงยานยนต์ เมื่อนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ และคุณใหญ่ V10garage เข้ามาประเมินความเสียหาย โดยสรุปว่า การซ่อมรถกระบะคันนี้อาจมีราคาสูงถึง 4-5 แสนบาท และไม่คุ้มค่าหากเทียบกับการซื้อรถใหม่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการประกันภัยที่ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในกรณีนี้

การประเมินโดยละเอียดแสดงให้เห็นว่ารถกระบะคันดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนักที่โครงสร้างหลักของตัวรถ ส่งผลให้กระบวนการซ่อมแซมต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทั้งหมด ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนเลขตัวถังและอาจทำให้รถคันนี้ยากต่อการขายต่อในอนาคต นอกจากนี้ ค่าอะไหล่เพียงอย่างเดียวอยู่ที่ประมาณ 290,000 บาท ยังไม่รวมค่าแรงและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดจากการซ่อมแซมส่วนอื่น ๆ ของรถ

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการซ่อมในกรณีนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากโครงสร้างหลักของรถได้รับผลกระทบอย่างมาก หากทำการซ่อมแซมแล้ว โครงสร้างอาจยังคงเบี้ยวอยู่ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานในอนาคต นอกจากนี้ การใช้บริการจากศูนย์บริการทั่วไปอาจไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากอะไหล่ที่ใช้อาจไม่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้

ด้านบริษัทประกันภัยของรถ BMW ที่เป็นฝ่ายชน ได้แจ้งว่ากรณีนี้ไม่เข้าเงื่อนไขในการจ่ายค่าชดเชย เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของคดีอาญา ไม่ใช่คดีอุบัติเหตุปกติ ทำให้ครอบครัวเจ้าของรถกระบะต้องพิจารณาแนวทางอื่น เช่น การขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเสนอวงเงินสนับสนุนสำหรับการซื้อรถใหม่ประมาณ 300,000 บาท

แม้จะมีความพยายามแก้ไขปัญหาในหลายแนวทาง แต่สถานการณ์ยังคงเปราะบางเนื่องจากกระบวนการประกันภัยที่ล่าช้าและไม่มีความชัดเจน คาดว่าระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาอาจยืดเยื้อออกไปอีก 4-5 เดือน ในขณะเดียวกัน การตัดสินใจระหว่างการซ่อมแซมและการซื้อรถใหม่ยังคงเป็นคำถามสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ