อุตสาหกรรมรถยนต์ในทวีปยุโรปกำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากเผชิญกับภาวะถดถอยมาเป็นระยะเวลาสองเดือน รายงานล่าสุดจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ยุโรป (ACEA) เผยว่า การเติบโตของยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ตลาดโดยรวมขยายตัวได้อีกครั้ง ในขณะที่ยอดขายรถยนต์เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมกลับลดลง ส่งผลให้ตลาดพลังงานไฟฟ้ากลายเป็นตัวแทนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรป
ในเดือนมีนาคม ตลาดรถยนต์ใหม่ในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศสหราชอาณาจักรและสเปน โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นถึง 23.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ แบรนด์รถยนต์หลายรายยังสามารถสร้างสถิติยอดขายที่โดดเด่น เช่นโฟล์คสวาเกน และเรโนลต์ ที่มียอดจดทะเบียนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม บริษัทบางแห่ง เช่นสเตลแลนทิสและเทสลา กลับประสบปัญหายอดขายที่ลดลง โดยเฉพาะเทสลามียอดขายลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม แม้ว่าจะยังคงเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่ส่วนแบ่งตลาดกลับลดลงเหลือเพียง 2% จาก 2.9% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
เมื่อพิจารณาเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป (EU) พบว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมลดลงเล็กน้อย 0.2% แม้ว่ารถยนต์กลุ่มพลังงานไฟฟ้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ BEV, HEV และ PHEV ที่มียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าพอใจ สำหรับตลาดหลักใน EU พบว่าสเปนและอิตาลีมียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีกลับลดลง
แนวโน้มความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในยุโรปสะท้อนถึงเป้าหมายการลดมลพิษของ EU และการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีราคาเข้าถึงง่ายกว่าเดิม แม้ว่า EU จะมีแนวโน้มผ่อนปรนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต แต่ความสนใจในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
รายงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงในตลาดรถยนต์ยุโรปไม่เพียงแค่สะท้อนถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของอุตสาหกรรมที่ตอบสนองต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อีกทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันถึงบทบาทสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก