เมื่อไม่นานมานี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์โบราณ เพื่อส่งเสริมงานศิลปะและวัฒนธรรมด้านยานยนต์คลาสสิกในประเทศไทย มาตรการดังกล่าวปรับเงื่อนไขทางภาษีและการกำหนดนิยามใหม่เกี่ยวกับรถยนต์โบราณ รวมถึงให้สิทธิคืนภาษีเต็มจำนวนหากนำรถยนต์มาบูรณะภายในประเทศและส่งออกภายในระยะเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม มีความกังวลเรื่องการฟอกเงินและการใช้ประโยชน์จากมาตรการพิเศษ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ

มาตรการใหม่และประเด็นสำคัญ

ในฤดูใบไม้ผลิของปี พ.ศ. 2568 ที่อาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากพรรคประชาชน ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับมติของคณะรัฐมนตรีในการยกเว้นภาษีสำหรับรถยนต์โบราณ มาตรการนี้ครอบคลุมรถยนต์และยานพาหนะชนิดอื่นๆ เช่น รถแข่ง และโบราณวัตถุที่มีอายุมากกว่า 100 ปี นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้นำเข้าสามารถขอรับเงินภาษีคืนหากนำรถยนต์มาบูรณะภายในเวลา 2 ปี และส่งออกนอกประเทศ

อย่างไรก็ตาม สส. ชื่อนายนนท์ เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถยนต์โบราณเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน ภายใต้ระบบการคืนภาษีที่ไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังมีคำถามว่า มาตรการนี้จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศจริงหรือไม่ หรือเพียงแค่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มคนที่มีฐานะเท่านั้น

มาตรการนี้ยังเน้นไปที่การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจัดแสดงรถคลาสสิกในประเทศ แต่อาจขาดความชัดเจนในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพของการบูรณะและการส่งออกรถยนต์

นายสส. ยังเสนอแนะให้มีการติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันธุรกิจสีเทาที่อาจแฝงตัวอยู่เบื้องหลังนโยบายซอฟต์พาวเวอร์

จากมุมมองของผู้เขียน การยกเว้นภาษีสำหรับรถยนต์โบราณอาจเป็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความสนใจในประวัติศาสตร์ยานยนต์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการใช้ประโยชน์จากนโยบายที่ดูเหมือนจะเอื้อต่อเฉพาะกลุ่มคนบางส่วน หากเราสามารถสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์และลดช่องโหว่ด้านการทุจริตได้ มาตรการนี้อาจกลายเป็นตัวอย่างที่ดีในการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจที่ยั่งยืน