ในกรณีอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นบนถนนบรมราชชนนี กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 เมษายน เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้รถยนต์จำนวนสามคันเกิดการเฉี่ยวชน โดยสองคันได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไฟลุกโหมทั้งคัน รวมถึงรถเฟอร์รารี่สีขาวและรถเบนซ์สีดำ ส่วนรถกระบะโตโยต้าที่เกี่ยวข้องก็มีรอยเฉี่ยวด้านข้าง การสอบสวนเบื้องต้นเผยให้เห็นถึงสาเหตุที่อาจมาจากพฤติกรรมการปาดหน้าของรถกระบะ ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนระหว่างรถทั้งสาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสาเหตุอย่างละเอียด
เมื่อเวลาประมาณตีสอง บนถนนสายสำคัญแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ไม่เพียงแค่ทำให้รถยนต์หลายคันเสียหายเท่านั้น แต่ยังสร้างสถานการณ์ฉุกเฉินจากการลุกโชนของเปลวไฟ พยานรายหนึ่งเล่าให้ฟังว่าในขณะที่เขาเดินทางจากถนนพุทธมณฑลสาย 4 มุ่งหน้าสู่สาย 3 เขาได้ประสบเหตุการณ์กระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งคาดว่าเกิดจากการชนท้ายโดยรถคันหนึ่ง แม้ว่าผู้ขับขี่รถกระบะจะสามารถออกจากตัวรถได้อย่างปลอดภัย แต่เขาก็ยังคงไม่แน่ใจว่ารถใดเป็นต้นเหตุของการชนครั้งนี้
ครอบครัวของคนขับรถเฟอร์รารี่ นำโดยนายกมล อายุ 55 ปี และบุตรชายของเขา น้องเฟียส อายุ 22 ปี ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายกมลเล่าว่าลูกชายของเขาได้ขับรถกลับบ้านหลังจากส่งแฟนสาว โดยในระหว่างทางได้มีรถกระบะขับปาดหน้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนและลุกลามไปสู่รถเบนซ์ที่ตามมาด้านหลัง ส่งผลให้ทั้งสองคันต้องเผชิญกับเพลิงไหม้อย่างรวดเร็ว
การตรวจสอบภาพวงจรปิดและการสอบปากคำจากพยานที่เกี่ยวข้องจะเป็นกุญแจสำคัญในการระบุสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงพยายามติดต่อผู้ขับขี่รถเบนซ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตรงไปตรงมาสำหรับกระบวนการสอบสวน ทางครอบครัวของคนขับรถเฟอร์รารี่ยืนยันว่าพร้อมยอมรับผิดชอบหากพบว่าเป็นฝ่ายผิดในกรณีนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบทุกด้านเพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด เช่น การศึกษาพฤติกรรมการขับขี่ รวมถึงการตรวจสอบสภาพรถและพยานแวดล้อม เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าจะมีความเสียหายทางทรัพย์สินอย่างมาก แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้